ใครแต่งงานกับวอลลิส ซิมป์สัน?
Earl Winfield Spencer แต่งงานแล้ว วอลลิส ซิมป์สัน วันที่ Wallis Simpson อายุ 20 ปีในวันแต่งงาน (20 ปี 4 เดือน 20 วัน) Earl Winfield Spencer อายุ 28 ปีในวันแต่งงาน (28 ปี 1 เดือน 19 วัน) ช่องว่างอายุ 7 ปี 8 เดือน 30 วัน.
การแต่งงานดำเนินไป 11 ปี 0 เดือน 23 วัน (4040 วัน) การแต่งงานสิ้นสุดลงในวันที่
Ernest Aldrich Simpson แต่งงานแล้ว วอลลิส ซิมป์สัน วันที่ Wallis Simpson อายุ 32 ปีในวันแต่งงาน (32 ปี 1 เดือน 2 วัน) Ernest Aldrich Simpson อายุ 31 ปีในวันแต่งงาน (31 ปี 2 เดือน 15 วัน) ช่องว่างอายุ 0 ปี 10 เดือน 17 วัน.
การแต่งงานสิ้นสุดลงในปี
สมเด็จพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 แต่งงานแล้ว วอลลิส ซิมป์สัน วันที่ Wallis Simpson อายุ 40 ปีในวันแต่งงาน (40 ปี 11 เดือน 15 วัน) สมเด็จพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 อายุ 42 ปีในวันแต่งงาน (42 ปี 11 เดือน 11 วัน) ช่องว่างอายุ 1 ปี 11 เดือน 27 วัน.
การแต่งงานดำเนินไป 34 ปี 11 เดือน 25 วัน (12778 วัน) การแต่งงานสิ้นสุดลงในวันที่ สาเหตุ: การเสียชีวิตของหัวเรื่อง
วอลลิส ซิมป์สัน

วอลลิส ดัชเชสแห่งวินด์เซอร์ (อังกฤษ: Wallis, Duchess of Windsor) มีชื่อแต่แรกเกิดว่า เบสซี วอลลิส วอร์ฟิลด์ (Bessie Wallis Warfield; 19 มิถุนายน ค.ศ. 1896 – 24 เมษายน ค.ศ. 1986) แต่เป็นที่รู้จักในชื่อ วอลลิส ซิมป์สัน (Wallis Simpson) เป็นสตรีที่มีชื่อเสียงในสังคมชาวอเมริกัน และมีชื่อเสียงที่สุดจากการสมรสกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 อันก่อให้เกิดวิกฤตการณ์สละราชสมบัติในเวลาต่อมา
อ่านเพิ่มเติม...
Earl Winfield Spencer

วอลลิส ซิมป์สัน


Ernest Aldrich Simpson

Ernest Aldrich Simpson (6 May 1897 – 30 November 1958) was an American-born British shipbroker, who was the second husband of Wallis Simpson, later the wife of the former King Edward VIII.
Simpson served as an officer in the Coldstream Guards before becoming a shipbroker in the family firm of SSY.
อ่านเพิ่มเติม...วอลลิส ซิมป์สัน


สมเด็จพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8

สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 (อังกฤษ: Edward VIII) หรือพระยศหลังสละราชสมบัติคือ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งวินด์เซอร์ เป็นพระมหากษัตริย์สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ รวมถึงดินแดนของอังกฤษในโพ้นทะเลต่าง ๆ และจักรพรรดิแห่งอินเดีย ตั้งแต่การสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 พระราชบิดา เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1936 จนกระทั่งการสละราชสมบัติของพระองค์ในวันที่ 11 ธันวาคมปีเดียวกัน พระองค์เป็นประมุของค์ที่สองในราชวงศ์วินด์เซอร์ ซึ่งพระราชบิดาทรงเปลี่ยนชื่อมาจากราชวงศ์ซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาเมื่อปี ค.ศ. 1917
ก่อนการเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งยอร์ก เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งยอร์กและคอร์นวอลล์ ดยุกแห่งคอร์นวอลล์ ดยุกแห่งรอธซี และเจ้าชายแห่งเวลส์ (ในชั้นรอยัลไฮเนส) ขณะทรงเป็นชายแรกรุ่น พระองค์ทรงปฏิบัติราชการในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยการเสด็จเยือนต่างประเทศแทนพระองค์พระราชบิดาและทรงข้องเกี่ยวกับหญิงสาวสูงวัยที่แต่งงานแล้วมากมาย
ช่วงเวลาหลายเดือนในรัชกาล พระองค์ทรงทำให้เกิดวิกฤตการณ์ในรัฐธรรมนูญ ได้ชื่อว่าวิกฤตการณ์สละราชสมบัติด้วยการขออภิเษกสมรสกับวอลลิส ซิมป์สัน แม่ม่ายหย่าร้างชาวอเมริกัน แม้ว่าทางกฎหมายแล้วพระองค์จะอภิเษกสมรสกับนางซิมป์สันและคงเป็นกษัตริย์อยู่ได้ แต่คณะรัฐมนตรีของพระองค์ได้คัดค้านการอภิเษกสมรสโดยโต้แย้งว่าประชาชนจะไม่ยอมรับเธอเป็นพระราชินีได้เลย พระองค์ทรงทราบดีว่ารัฐบาลของสแตนลีย์ บอลดวิน นายกรัฐมนตรีจะลาออกถ้าการอภิเษกสมรสยังคงดำเนินต่อไป อันจะทำให้ลากพระองค์ไปสู่การเลือกทั่วไปซึ่งจะเป็นการทำลายสถานะของพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ทรงเป็นกลางทางการเมืองของพระองค์อย่างไม่สามารถแก้ไขได้ แทนที่จะเลิกกับนางซิมป์สัน แต่พระองค์กลับทรงเลือกที่จะสละราชสมบัติ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 เป็นพระประมุของค์เดียวของสหราชอาณาจักรที่ทรงสละราชบัลลังก์อย่างสมัครใจ นอกจากนี้ยังเป็นพระประมุขที่ทรงครองราชสมบัติสั้นที่สุดพระองค์ในประวัติศาสตร์อังกฤษและมิได้ผ่านพิธีราชาภิเษก
หลังจากการสละราชสมบัติ พระองค์ทรงเปลี่ยนกลับไปใช้ฐานันดรเดิมคือ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด และทรงได้รับการเฉลิมพระยศเป็นดยุกแห่งวินด์เซอร์ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1937 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พระองค์ทรงได้รับมอบหมายให้ประจำการในกองกำลังทหารอังกฤษในประเทศฝรั่งเศส ภายหลังสงครามได้ปรากฏหลักฐานว่าพระองค์เคยเดินทางไปพบฮิตเลอร์และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นฉันมิตร จนมีทฤษฎีสมคบคิดว่าเอ็ดเวิร์ดเจรจากับฮิตเลอร์ว่าจะตั้งตนเองเป็นกษัตริย์อีกครั้งเมื่อยึดอังกฤษได้ เมื่อมีหลักฐานเช่นนี้ออกมา ก็ทรงถูกย้ายไปยังบาฮามาสในฐานะข้าหลวงใหญ่ พระองค์ก็ไม่ทรงได้รับการแต่งตั้งทางราชการอื่นใดอีกและทรงใช้เวลาที่เหลือในพระชนม์ชีพด้วยความสันโดษ
อ่านเพิ่มเติม...