ใครแต่งงานกับคิม ซ็อง-แอ?
Kim Il-sung แต่งงานแล้ว คิม ซ็อง-แอ ช่องว่างอายุ 12 ปี 8 เดือน 14 วัน.
คิม ซ็อง-แอ
คิม ซ็อง-แอ ( เกาหลี : 김성애 ,เกิด 1924-2014 ) เป็นอดีตภรรยาคนที่สองของ คิม อิล-ซ็อง เธอได้สมรสในปี ค.ศ.1952 ถึง ค.ศ.1994 และเป็นภรรยาคนที่สองของท่านประธานาธิบดีตลอดกาลของเกาหลีเหนือคิม อิลซุง ทั้งสองท่านเป็นคู่สมรสกันในปี 1952 หลังจากการตายของคิม จอง-ซุกภรรยาคนแรกของคิม อิล-ซุง ในปี 1949 ก่อนที่จะเกิดสงครามเกาหลี เธอให้กำเนิดลูกสาว คิม คยอง-จิน ในปี 1953 และลูกชายสองคนคือ คิม พยอง อิล ในปี 1955และ คิม ยอง อิล ในปี 1957 หลังจากนั้นเธอก็ได้มีอำนาจทางการเมืองกลายเป็นประธานของคณะกรรมการกลางของสมาคมสตรีเกาหลี ในช่วงกลางทศวรรษ 1960 และในปี 1970 เธอดำรงตำแหน่งนี้และลาออกจะลาออกในปี 1998 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอน้อยมาก
อ่านเพิ่มเติม...
Kim Il-sung

คิม อิล-ซ็อง (; เกาหลี: 김일성, เสียงอ่านภาษาเกาหลี: [kimils͈ʌŋ] ; ชื่อเกิด คิม ซ็อง-จู; 15 เมษายน ค.ศ. 1912 – 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1994) เป็นนักการเมืองชาวเกาหลีเหนือและผู้ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งเขาเป็นผู้นำสูงสุดคนแรกตั้งแต่ก่อตั้งประเทศใน ค.ศ. 1948 กระทั่งถึงแก่อสัญกรรมใน ค.ศ. 1994 หลังจากนั้น คิม จ็อง-อิล บุตรชายก็ได้สืบทอดตำแหน่งและเขาก็ได้รับการประกาศให้เป็นประธานาธิบดีตลอดกาล
เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ ค.ศ. 1948 ถึง 1972 และประธานาธิบดีตั้งแต่ ค.ศ. 1972 ถึง 1994 เขายังเป็นหัวหน้าพรรคแรงงานเกาหลีตั้งแต่ ค.ศ. 1949 ถึง 1994 (โดยมีตำแหน่งเป็นประธานตั้งแต่ ค.ศ. 1949 ถึง 1966 และเป็นเลขาธิการใหญ่หลัง ค.ศ. 1966) หลังขึ้นสู่อำนาจภายหลังสิ้นสุดการปกครองของญี่ปุ่นเหนือเกาหลีใน ค.ศ. 1945 หลังญี่ปุ่นยอมจำนนในสงครามโลกครั้งที่สอง เขามีคำสั่งให้รุกรานเกาหลีใต้ใน ค.ศ. 1950 กระตุ้นให้เกิดการเข้าแทรกแซงเพื่อปกป้องเกาหลีใต้โดยสหประชาชาติซึ่งนำโดยสหรัฐ หลังภาวะชะงักงันทางทหารในสงครามเกาหลี มีการลงนามความตกลงหยุดยิงในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1953 เขาเป็นประมุขแห่งรัฐ/หัวหน้ารัฐบาลที่ไม่ใช่ราชวงศ์ที่ดำรงตำแหน่งยาวนานเป็นอันดับสามในศตวรรษที่ 20 โดยอยู่ในตำแหน่งนานกว่า 45 ปี
ภายใต้การนำของเขา เกาหลีเหนือถูกสถาปนาขึ้นเป็นระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จสังคมนิยมบุคคลลักษณนิยมโดยมีระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนจากส่วนกลาง เกาหลีเหนือมีความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจใกล้ชิดมากกับสหภาพโซเวียต ภายในทศวรรษ 1960s มาตรฐานการครองชีพของเกาหลีเหนือดีกว่าเกาหลีใต้เล็กน้อย ซึ่งในขณะนั้นเกาหลีใต้กำลังประสบปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจ สถานการณ์กลับตาลปัตรในทศวรรษ 1970 เมื่อเกาหลีใต้ที่กลับมามีเสถียรภาพกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจขณะที่เศรษฐกิจของเกาหลีเหนือซบเซาและล่มสลายในเวลาต่อมา ความแตกต่างเริ่มเกิดขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือและสหภาพโซเวียต โดยมีประเด็นหลักคือปรัชญาชูเชของคิม อิล-ซ็อง ซึ่งเน้นชาตินิยมเกาหลีและการพึ่งพาตนเอง ถึงกระนั้น ประเทศก็ยังคงได้รับเงินทุน เงินอุดหนุน และความช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียตและกลุ่มตะวันออกกระทั่งสหภาพโซเวียตล่มสลายใน ค.ศ. 1991
ผลจากการสูญเสียความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ นำไปสู่การเกิดทุพภิกขภัยแพร่หลายใน ค.ศ. 1994 ในช่วงเวลานี้ เกาหลีเหนือยังคงวิพากษ์วิจารณ์การประจำการของกองกำลังป้องกันประเทศสหรัฐในภูมิภาค ซึ่งมองว่าเป็นจักรวรรดินิยม โดยได้ยึดเรือยูเอสเอส พิวโบลสัญชาติอเมริกันใน ค.ศ. 1968 นี่เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการแทรกซึมและบ่อนทำลายเพื่อรวมคาบสมุทรให้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของเกาหลีเหนือ คิมมีชีวิตยืนยาวกว่าพันธมิตรของเขาอย่างโจเซฟ สตาลินและเหมา เจ๋อตง เกินกว่าสองทศวรรษและเกือบสองทศวรรษตามลำดับ และยังคงอยู่ในอำนาจตลอดช่วงวาระของประธานาธิบดีเกาหลีใต้หกคนและประธานาธิบดีสหรัฐสิบคน เขาเป็นที่รู้จักในนามของผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ (ซูรย็อง) เขาสร้างลัทธิบูชาบุคคลที่แผ่ขยายอย่างกว้างขวางซึ่งครอบงำการเมืองภายในประเทศในเกาหลีเหนือ ในการประชุมใหญ่พรรคแรงงานเกาหลีครั้งที่ 6 ใน ค.ศ. 1980 คิม จ็อง-อิล บุตรชายคนโตของเขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะผู้บริหารสูงสุดและถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ถือเป็นการสถาปนาราชวงศ์คิม
อ่านเพิ่มเติม...