ใครแต่งงานกับจักรพรรดินโปเลียนที่ 3?
เออเฌนี เดอ มอนตีโค จักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศส แต่งงานแล้ว จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 วันที่ จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 อายุ 44 ปีในวันแต่งงาน (44 ปี 9 เดือน 9 วัน) เออเฌนี เดอ มอนตีโค จักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศส อายุ 26 ปีในวันแต่งงาน (26 ปี 8 เดือน 24 วัน) ช่องว่างอายุ 18 ปี 0 เดือน 15 วัน.
การแต่งงานดำเนินไป 19 ปี 11 เดือน 11 วัน (7285 วัน) การแต่งงานสิ้นสุดลงในวันที่ สาเหตุ: การเสียชีวิตของคู่สมรสของหัวเรื่อง
จักรพรรดินโปเลียนที่ 3

หลุยส์-นโปเลียน โบนาปาร์ต (ฝรั่งเศส: Louis-Napoléon Bonaparte ลูย-นาปอเลอง บอนาปาร์ต) ชื่อเกิดว่า ชาร์ล-หลุยส์ นโปเลียน โบนาปาร์ต (ฝรั่งเศส: Charles-Louis Napoleon Bonaparte) เป็นประธานาธิบดีเพียงคนเดียวแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่สอง เป็นบุคคลแรกที่ประชาชนเลือกตั้งโดยตรงให้ดำรงตำแหน่งนี้ อยู่ในตำแหน่งระหว่าง ค.ศ. 1848–52 แต่รัฐธรรมนูญมิให้ดำรงตำแหน่งซ้ำ จึงยึดอำนาจรัฐบาลตนเองแล้วขึ้นเป็นจักรพรรดินามว่า นโปเลียนที่ 3 (ฝรั่งเศส: Napoleon III) แห่งจักรวรรดิฝรั่งเศสที่สอง อยู่ในตำแหน่งจักรพรรดิช่วง ค.ศ. 1852–70
ทรงเป็นพระราชภาติยะ(ลูกของพี่ชายหรือน้องชาย)ในจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 และขึ้นเป็นจักรพรรดิเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1852 วันครบรอบ 48 ปีการราชาภิเษกของนโปเลียนที่ 1 ทั้งนี้ นโปเลียนที่ 3 อยู่ในตำแหน่งประมุขแห่งรัฐฝรั่งเศสยาวนานที่สุดนับแต่ปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นต้นมา
ในช่วงแรกแห่งการเถลิงราชย์ รัฐบาลนโปเลียนสั่งให้มีการตรวจพิจารณาและใช้มาตราการแข็งกร้าวต่อเหล่าผู้ต่อต้าน ในระยะเวลานับแต่เขาขึ้นครองราชย์จนถึง ค.ศ. 1859 มีผู้ถูกจับกุมคุมขังหรือเนรเทศไปยังทัณฑนิคมกว่า 600 คน ทั้งมีผู้ยอมเนรเทศตัวเองออกนอกประเทศฝรั่งเศสอีกหลายพันคน ในจำนวนนี้รวมถึงวิกตอร์ อูโก (Victor Hugo) นักประพันธ์ผู้เลื่องชื่อ อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ ค.ศ. 1862 สืบมา นโปเลียนผ่อนคลายความเข้มงวดในการตรวจพิจารณาลง และเปิดเสรีมากขึ้นจนทำให้ดินแดนฝรั่งเศสได้ชื่อว่า "จักรวรรดิเสรี" (Liberal Empire) ผู้ต่อต้านเขาหลายคนจึงเดินทางกลับเข้าประเทศ และร่วมเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (National Assembly)
ทุกวันนี้ นโปเลียนที่ 3 เป็นที่รู้จักเพราะจัดการบูรณะกรุงปารีสขนานใหญ่ ซึ่งมีบารอนโอสมาน (Baron Haussmann) เป็นแม่กอง นโปเลียนที่ 3 ยังดำเนินโครงการโยธาหลวงในหลายเมือง เช่น มาร์แซย์, ลียง เป็นต้น
อนึ่ง นโปเลียนที่ 3 ยังปรับปรุงระบบธนาคารในประเทศให้ทันสมัย ขยายระบบรถไฟ ทำให้กองเรือพาณิชย์ของประเทศมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในโลก อุปถัมภ์การขุดคลองสุเอซ จัดตั้งระบบกสิกรรมสมัยใหม่ซึ่งทำให้ทุพภิกขภัยในประเทศสิ้นสุดลงและทำให้เกิดการส่งสินค้าเกษตรออกจำหน่ายภายนอกประเทศ ตลอดจนเจรจาสนธิสัญญา ค.ศ. 1860 เพื่อให้เกิดการค้าเสรีกับอังกฤษ ตามมาด้วยการทำความตกลงทำนองเดียวกันกับชาติยุโรปอื่น ๆ นโปเลียนยังให้ปฏิรูปสังคม เช่น ให้กรรมกรชาวฝรั่งเศสมีสิทธิหยุดงานประท้วงหรือชุมนุม เปิดโอกาสให้สตรีเข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้นอย่างยิ่ง รวมถึงเพิ่มวิชาที่โรงเรียนรัฐทุกแห่งต้องเปิดสอน
ด้านนโยบายต่างประเทศ นโปเลียนที่ 3 หมายใจจะให้ฝรั่งเศสมีอิทธิพลครอบงำยุโรปและสากลโลกอีกครั้ง เขาหนุนแนวคิดชาตินิยมและอำนาจอธิปไตยของปวงชน เขาเข้าเป็นพันธมิตรกับบริเตนในสงครามไครเมียช่วง ค.ศ. 1853–56 ซึ่งรัสเซียพ่ายแพ้ ขณะเดียวกันเขาส่งกองทัพไปช่วยกลุ่มรัฐสันตะปาปามิให้ถูกอิตาลีผนวกดินแดน นโปเลียนที่ 3 ยังแผ่อำนาจนอกประเทศไปยังเอเชีย แปซิฟิกและแอฟริกา ทั้งส่งทหารเข้าแทรกแซงการเมืองเม็กซิโก หวังจะสถาปนาจักรวรรดิเม็กซิโกที่สองขึ้นเป็นดินแดนในอารักขาฝรั่งเศส แต่ไม่ประสบผล
พอเข้า ค.ศ. 1866 นโปเลียนที่ 3 ต้องประเชิญมหาอำนาจที่กำลังขยายตัวอย่างปรัสเซีย เพราะอ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์ค นายกรัฐมนตรีปรัสเซีย หมายจะหลอมรวมแผ่นดินเยอรมันเข้าเป็นหนึ่งภายใต้ร่มบารมีปรัสเซีย ครั้นเดือน กรกฎาคม ค.ศ. 1870 นโปเลียนจึงต้องเข้าสู่สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซียโดยไม่มีใครล่มหัวจมท้ายด้วย ทั้งมีกำลังรบด้อยกว่าปรัสเซีย ผลลัพธ์จึงเป็นความปราชัยของทหารฝรั่งเศส ตัวนโปเลียนถูกจับเป็นเชลยในยุทธการเซอด็อง (Sedan) นำไปสู่การล่มสลายของจักรวรรดิฝรั่งเศสที่สอง และจัดตั้งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่สามขึ้นในกรุงปารีส ก่อนที่นโปเลียนที่ 3 จะลี้ภัยไปอังกฤษ และอยู่ที่นั่นจนสิ้นชีวิตใน ค.ศ. 1873
อ่านเพิ่มเติม...
เออเฌนี เดอ มอนตีโค จักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศส
