ใครแต่งงานกับHenryk II Walezjusz?
Catherine de' Medici แต่งงานแล้ว Henryk II Walezjusz วันที่ พระเจ้าอ็องรีที่ 2 แห่งฝรั่งเศส อายุ 14 ปีในวันแต่งงาน (14 ปี 6 เดือน 28 วัน) Catherine de' Medici อายุ 14 ปีในวันแต่งงาน (14 ปี 6 เดือน 5 วัน) ช่องว่างอายุ 0 ปี 0 เดือน 23 วัน.
การแต่งงานดำเนินไป 25 ปี 8 เดือน 22 วัน (9396 วัน) การแต่งงานสิ้นสุดลงในวันที่
Henryk II Walezjusz
Henryk II (ur. 31 marca 1519 w Saint-Germain-en-Laye, zm. 10 lipca 1559 w Paryżu) – król Francji od 1547 r., syn króla Franciszka I (1494–1547) z dynastii Walezjuszów i Klaudii Walezjuszki.
อ่านเพิ่มเติม...
Catherine de' Medici
กาเตรีนา เด เมดีชี หรือ กาทรีน เดอ เมดีซีส หรือ แคทเธอรีน เดอ เมดีชี (อิตาลี: Caterina de' Medici, ออกเสียง: [kateˈriːna de ˈmɛːditʃi]; ฝรั่งเศส: Catherine de Médicis, ออกเสียง: [katʁin də medisis]; 13 เมษายน ค.ศ. 1519 – 5 มกราคม ค.ศ. 1589) เป็นสมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศสและเป็นพระอัครมเหสีในพระเจ้าอ็องรีที่ 2 แห่งฝรั่งเศส ตั้งแต่ ค.ศ. 1547 จนถึง ค.ศ. 1559
พระนางเสด็จพระราชสมภพที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี พระนามเมื่อแรกพระราชสมภพในภาษาอิตาลีคือ “กาเตรีนา มารีอา โรโมลา ดี โลเรนโซ เด เมดีชี” (Caterina Maria Romola di Lorenzo de' Medici) พระบิดาและมารดาของกาเตรีนาคือโลเรนโซ เด เมดีชี ดยุกแห่งอูร์บีโนและมาเดอแลน เดอ ลา ตูร์ โดแวร์ญ (Madeleine de la Tour d'Auvergne, Countess of Boulogne) ทั้งสองคนเสียชีวิตไปไม่นานหลังจากที่กาเตรีนาพระราชสมภพ พระนามมาเปลี่ยนมาสะกดแบบฝรั่งเศสต่อมาเป็น “Catherine de Médicis” กาเตรีนาเป็นพระอัครมเหสีในพระเจ้าอ็องรีที่ 2 แห่งฝรั่งเศสระหว่างปี ค.ศ. 1547 ถึงปี ค.ศ. 1559
เมื่อมีพระชนม์ได้ 14 พรรษาในปี ค.ศ. 1533 กาเตรีนาก็ทรงเสกสมรสกับอ็องรี ดยุกแห่งออร์เลอ็องผู้เป็นพระราชโอรสองค์ที่สองของพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 แห่งฝรั่งเศส กับพระราชินีโคลด เมื่อเจ้าชายรัชทายาท ฟร็องซัว หรือ “โดแฟ็ง” (Dauphin) พระเชษฐาของอ็องรีสวรรคตในปี ค.ศ. 1536 อ็องรีก็ได้ขึ้นเป็นโดแฟงแทน กาเตรีนาจึงทรงมีตำแหน่งเป็น “โดฟีน” (Dauphine) ต่อมาเมื่อพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 เสด็จสวรรคต อ็องรีก็ขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าอ็องรีที่ 2 แห่งฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1547 ระหว่างการครองราชพระเจ้าอ็องรีก็มิได้ให้ความสำคัญต่อพระราชินีกาเตรีนาเท่าใดนัก แต่ทรงกลับไปปรนเปรอพระสนมคนโปรด ดีอาน เดอ ปัวตีเยร์ (Diane de Poitiers) แทน เมื่อพระเจ้าอ็องรีเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1559 พระราชินีกาเตรีนาจึงทรงเริ่มมีบทบาททางการเมืองโดยการเป็นพระชนนีของพระเจ้าฟร็องซัวที่ 2 แห่งฝรั่งเศสผู้มีพระชนมายุเพียง 15 พรรษาเมื่อขึ้นครองราชย์และไม่ทรงแข็งแรงเท่าใดนัก พระเจ้าฟร็องซัวทรงปกครองฝรั่งเศสได้เพียงปีเดียวก็เสด็จสวรรคต พระราชินีกาเตรีนาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผู้มีอำนาจเต็มที่ในพระโอรสองค์รอง พระเจ้าชาร์ลที่ 9 ผู้มีพระชนมายุได้เพียง 10 พรรษา หลังจากพระเจ้าชาลส์เสด็จสวรรคตพระราชินีนาถกาเตรีนาก็ทรงมีบทบาทสำคัญในการปกครองมากขึ้นเมื่อพระราชโอรสองค์ที่สามขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าอ็องรีที่ 3 พระเจ้าอ็องรีทรงปรึกษาราชการแผ่นดินต่างๆ กับพระราชชนนีจนระยะสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นพระชนม์
พระโอรสผู้อ่อนแอทั้งสามพระองค์ของกาเตรีนาทรงปกครองฝรั่งเศสในขณะที่บ้านเมืองระส่ำระสายจากการก่อความไม่สงบต่างที่เกิดขึ้นจากสงครามกลางเมืองและสงครามศาสนา ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมิได้อยู่ในความควบคุมของระบบพระมหากษัตริย์และเป็นปัญหาที่ใหญ่แม้แต่สำหรับพระมหากษัตริย์ผู้ทรงอำนาจ เมื่อแรกเริ่มกาเตรีนาก็พยายามประนีประนอมกับฝ่ายอูเกอโนท์ (Huguenots) หรือชาวฝรั่งเศสที่นับถือนิกายโปรเตสแตนต์เมื่อมีการจลาจลเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ทรงเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงปัญหาความขัดแย้งทางปรัชญาทางคริสต์ศาสนวิทยาและสาเหตุของขบวนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้พระองค์ไม่มีพระอุตสาหะพอที่จะพยายามแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างสันติ และทรงใช้ไม้แข็งในการปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบ พระองค์จึงทรงถูกประณามในเหตุการณ์ร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเหตุการณ์การสังหารหมู่วันเซนต์บาโทโลมิว ในปี ค.ศ. 1572 ซึ่งเป็นผลให้อูเกอโนท์ถูกสังหารอย่างทารุณทั้งในปารีสและทั่วไปในประเทศฝรั่งเศส นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานกันว่าในปารีสเองมีผู้เสียชีวิตประมาณ 2,000 คนและอีกประมาณ 5,000-10,000 คนในบริเวณอื่นทั่วฝรั่งเศส หลังจากนั้นก็มีเรื่องสยดสยองต่างๆ จากเหตุการณ์ในเอกสารที่แจกจ่ายกันในสมัยนั้นซึ่งเป็นต้นกำเนิด “ตำนานมืด” (The Black Legend) ของ “พระราชินีผู้ชั่วร้าย” จากปากเสียงของผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์ พระราชินีนาถกาเตรีนาทรงถูกประณามว่าเป็น “Machiavellian Renaissance prince” ผู้ป้อนความกระหายอำนาจด้วยการอาชญากรรม, การวางยาพิษ และบางทีก็ถึงกับใช้อำนาจเวทมนตร์ “อากริพพา โดบินย์” (Agrippa d'Aubigné) กวีอูเกอโนท์ถึงกับขนานพระนามพระราชินีนาถกาเตรีนาว่าเป็น “เชี้อโรคจากฟลอเรนซ์” (Florentine plague) ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 นักประวัติศาสตร์จูลส์ มิเชลเลท์ (Jules Michelet) บรรยายพระราชินีนาถกาเตรีนาว่าเป็น “หนอนที่หลุดออกมาจากหลุมศพของอิตาลี”
นักประวัติศาสตร์ปัจจุบันให้เหตุผลสนับสนุนการใช้อำนาจอันเกินควรของพระราชินีนาถกาเตรีนา แต่อาร์ เจ เนคช (R. J. Knecht) กล่าวว่าความทารุณของพระราชินีนาถกาเตรีนาจะเห็นได้จากจดหมายที่ทรงเขียน นิโคลา ซัทเธอร์แลนด์ (Nicola Sutherland) กล่าวเตือนถึงความเกินเลยในการบรรยายอำนาจของพระองค์ว่าแทนที่จะเป็นภาพพจน์ที่ทรงปกครองอย่างมั่นคง พระราชินีนาถกาเตรีนาทรงต้องต่อสู้กับความไม่สงบต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างแทบไม่มีทางชนะ นโยบายการปกครองของพระองค์จึงเป็นนโยบายของความอยู่รอดของราชวงศ์วาลัวส์ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดใด จึงอาจจะกล่าวได้ว่าถ้าไม่มีพระราชินีนาถกาเตรีนาพระโอรสทั้งสามพระองค์ก็คงไม่ทรงสามารถปกครองฝรั่งเศสด้วยพระองค์เองได้ ระยะการปกครองระหว่างพระโอรสทั้งสามเรียกว่า “สมัยกาเตรีนา เดอ เมดิชิ” (The Age of Catherine de' Medici)
อ่านเพิ่มเติม...