ใครแต่งงานกับMaria Theresa of Savoy?

  • พระเจ้าชาร์ลที่ 10 แห่งฝรั่งเศส แต่งงานแล้ว Maria Theresa of Savoy วันที่ Maria Theresa of Savoy อายุ 17 ปีในวันแต่งงาน (17 ปี 9 เดือน 16 วัน) พระเจ้าชาร์ลที่ 10 แห่งฝรั่งเศส อายุ 16 ปีในวันแต่งงาน (16 ปี 1 เดือน 7 วัน) ช่องว่างอายุ 1 ปี 8 เดือน 9 วัน.

    การแต่งงานดำเนินไป 31 ปี 6 เดือน 17 วัน (11520 วัน) การแต่งงานสิ้นสุดลงในวันที่

Maria Theresa of Savoy: ไทม์ไลน์สถานะการแต่งงาน

Maria Theresa of Savoy

Maria Theresa of Savoy

Maria Theresa of Savoy (French: Marie Thérèse de Savoie; 31 January 1756 – 2 June 1805) was a French princess by marriage to Charles Philippe, Count of Artois. Her husband was the grandson of Louis XV and younger brother of Louis XVI. Nineteen years after Maria Theresa’s death, her spouse assumed the throne of France as King Charles X. Her son Louis Antoine, Duke of Angoulême, married Marie Antoinette’s daughter Marie-Thérèse Charlotte.

อ่านเพิ่มเติม...
 
Wedding Rings

พระเจ้าชาร์ลที่ 10 แห่งฝรั่งเศส

พระเจ้าชาร์ลที่ 10 แห่งฝรั่งเศส

พระเจ้าชาร์ลที่ 10 แห่งฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: Charles X de France; ชาร์ลดิสเดอฟร็องส์ 9 ตุลาคม ค.ศ.1757 – 6 พฤศจิกายน ค.ศ.1836) พระนามเดิมว่า ชาร์ลฟิลิปป์ เคานต์แห่งอาร์ตัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งฝรั่งเศสและนาวาร์ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1824 จนถึง 2 สิงหาคม ค.ศ. 1830 ทรงเป็นพระปิตุลา (อา) ในเยาวกษัตริย์ผู้ทรงไม่ได้บรมราชาภิเษก พระเจ้าหลุยส์ที่ 17 และพระอนุชาในพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศสและพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 แห่งฝรั่งเศส พระองค์ได้รับการสนับสนุนภายหลังในขณะที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ภายหลังการฟื้นฟูราชวงศ์บูร์บงใน ค.ศ. 1814 ชาร์ล (มีสถานะเป็นทายาทโดยสันนิษฐาน) กลายเป็นผู้นำของพวกคลั่งเจ้า ฝ่ายนิยมกษัตริย์หัวรุนแรงในราชสำนักฝรั่งเศสที่ยืนยันการปกครองโดยเทวสิทธิราชย์และคัดค้านการยินยอมต่อฝ่ายเสรีนิยมและการรับรองเสรีภาพพลเมืองที่ได้รับจากกฏบัตร ค.ศ. 1814 ชาร์ลได้มีอิทธิพลในราชสำนักฝรั่งเศสภายหลังการลอบสังหาร ชาร์ล แฟร์ดีน็อง ดยุกแห่งแบร์รี่ พระราชโอรสของพระองค์ ใน ค.ศ. 1820 และได้รับการสืบราชบังลังก์ต่อจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 ใน ค.ศ. 1824

รัชสมัยของพระองค์เป็นเวลาเกือบหกปีได้ปรากฏให้เห็นว่าไม่เป็นที่นิยมชอบในท่ามกลางฝ่ายเสรีนิยมในฝรั่งเศส ตั้งแค่ช่วงหนึ่งของพิธีราชภิเษกของพระองค์ใน ค.ศ. 1825 ซึ่งพระองค์พยายามที่จะรื้อฟื้นการปฏิบัติของพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัฐบาลที่ทรงแต่งตั้งในรัชกาลของพระองค์ได้ชดใช้คืนเจ้าของที่ดินเดิมสำหรับการยกเลิกระบบฟิวดัลโดยค่าใช้จ่ายของผู้ถือหุ้นกู้ เพิ่มอำนาจของศาสนจักรคาทอลิกและเรียกร้องให้นำอุกฤษฏ์โทษกลับคืนมาสำหรับการลบหลู่เหยียดหยามศาสนา ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งกับสภาผู้แทนราษฏรที่เต็มไปด้วยฝ่ายเสรีนิยมส่วนใหญ่ ชาร์ลทรงอนุมัติในการพิชิตแอลจีเรียของฝรั่งเศสเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนจากปัญหาบ้านเมือง และบังคับให้เฮติชดใช้ค่าเสียหายอย่างมหาศาลเพื่อแลกกับการเลิกปิดล้อมและยอมรับความเป็นเอกราชของเฮติ ในท้ายที่สุด พระองค์ทรงแต่งตั้งรัฐบาลที่เป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เจ้าชาย ฌูล เดอปอลีญัก ซึ่งพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติฝรั่งเศส ค.ศ. 1830 พระองค์ทรงตอบโต้ด้วยการออกพระราชกฤษฏีกาเดือนกรกฎาคมด้วยการยุบสภาผู้แทนราษฏร การจำกัดแฟรนไชส์ และนำการเซ็นเซอร์ในการปกปิดสื่อมวลชนกลับมาใช้อีกครั้ง ภายในหนึ่งสัปดาห์ ฝรั่งเศสต้องเผชิญกับการก่อจลาจลในเมืองซึ่งนำไปสู่การปฏิวัติเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1830 ซึ่งส่งผลทำให้พระองค์ต้องสละราชบังลังก์และทรงเลือก หลุยส์ ฟิลิปป์ที่ 1 ให้เป็นพระมหากษัตริย์แห่งชาวฝรั่งเศส เมื่อทรงถูกเนรเทศอีกครั้ง ชาร์ลทรงสวรรคตใน ค.ศ. 1836 ในเมืองกอริเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย พระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองคนสุดท้ายมาจากสาขาผู้อาวุโสของราชวงศ์บูร์บง

อ่านเพิ่มเติม...